Office Syndrome: ภัยเงียบที่แม่บ้านก็ควรระวัง

แม้ว่า Office Syndrome หรือ ออฟฟิศซินโดรม จะเป็นคำที่มักใช้พูดถึงอาการของพนักงานในสำนักงานที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ แต่จริงๆ แล้ว อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นกับ แม่บ้าน หรือผู้ที่ทำงานในบ้านได้เช่นกัน เนื่องจากการทำงานที่ต้องทำซ้ำๆ หรืออยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นระยะเวลานาน ก็สามารถส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ ที่คล้ายกันได้ เช่น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดข้อมือ หรือแม้กระทั่งอาการตาล้า

ในบทความนี้เราจะมาดูว่า Office Syndrome สามารถเกิดขึ้นได้อย่างไรในงานบ้าน และวิธีการป้องกันและบรรเทาอาการอย่างไรบ้าง เพื่อให้คุณแม่บ้านสามารถทำงานในบ้านได้อย่างมีสุขภาพดี

สาเหตุของ Office Syndrome ในแม่บ้าน

แม่บ้านส่วนใหญ่มักจะต้องทำงานหนัก เช่น ทำความสะอาดบ้าน, ซักรีด, ทำอาหาร หรือแม้แต่การยืนหรือนั่งทำงานในท่าทางเดิมๆ เป็นระยะเวลานานๆ งานเหล่านี้ต้องใช้ทักษะและท่าทางที่ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงอาการต่างๆ ที่เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อมากเกินไป โดยสาเหตุที่ทำให้แม่บ้านเสี่ยงต่อการเป็น มีดังนี้

- การยืนนานๆ การยืนเป็นเวลานานๆ ขณะทำความสะอาดหรือซักรีด อาจทำให้เกิดการเกร็งของกล้ามเนื้อและเสี่ยงต่อการปวดหลังและขา

- การนั่งในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานในครัว หรือการนั่งทำความสะอาดในท่าที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการปวดคอ ปวดหลัง และอาการตึงในกล้ามเนื้อ

- การใช้มือหรือข้อมืออย่างต่อเนื่อง การจับอุปกรณ์ทำความสะอาด เช่น ไม้ถูพื้น หรือการรีดผ้าเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการปวดข้อมือ หรือโรคข้อมืออักเสบ

- การทำงานซ้ำๆ การทำงานที่ต้องเคลื่อนไหวซ้ำๆ ในท่าทางเดียวกัน เช่น การยกของหนัก หรือการเดินไปมาบ่อยๆ อาจทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ

อาการที่แม่บ้านอาจพบจาก Office Syndrome

- ปวดคอและไหล่ จากการนั่งหรือยืนในท่าทางที่ไม่เหมาะสม

- ปวดหลังส่วนล่าง เกิดจากการยืนนานๆ หรือการทำงานในท่าที่ผิด

- ปวดข้อมือและข้อมืออักเสบ: จากการใช้มือจับอุปกรณ์ทำความสะอาดหรือการรีดผ้าต่อเนื่อง

- อาการตาล้า การทำงานในบ้านที่ต้องใช้สายตาจดจ่อกับรายละเอียด เช่น การทำความสะอาดในพื้นที่เล็กๆ หรือการทำอาหาร อาจทำให้เกิดอาการตาล้า

- อาการปวดศีรษะ: เกิดจากการเกร็งกล้ามเนื้อคอและไหล่

วิธีป้องกันและบรรเทาอาการ Office Syndrome สำหรับแม่บ้าน

1. ปรับท่านั่งและท่ายืนให้ถูกต้อง 

   การนั่งหรือยืนในท่าที่เหมาะสมมีความสำคัญมาก หากต้องยืนทำงาน เช่น การทำความสะอาด ควรยืนในท่าทางที่ตรง ไม่งอหลัง และหลีกเลี่ยงการยืนในท่าเดิมๆ นานเกินไป พยายามเปลี่ยนท่ายืนหรือยืดเหยียดทุกๆ 30 นาที หากนั่งทำงาน เช่น ทำอาหารหรือรีดผ้า ควรนั่งในท่าทางที่หลังตรง และไม่ควรนั่งในท่าเดิมๆ นานเกินไป

2. ใช้เก้าอี้หรืออุปกรณ์เสริม 

   หากต้องนั่งทำงานในครัวหรือพื้นที่ทำความสะอาด ควรเลือกเก้าอี้หรือหมอนรองที่สามารถช่วยให้ท่านั่งสะดวกและไม่กดทับกระดูกสันหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน

3. เปลี่ยนท่าทางบ่อยๆ

   หากทำงานบ้านนานๆ ควรพักสายตาและยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกๆ 30-60 นาที เพื่อให้กล้ามเนื้อไม่เกร็งเกินไป เช่น การเดินรอบๆ บ้านหรือการยืดเหยียดร่างกาย

4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

   การออกกำลังกายจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และทำให้ร่างกายสามารถทนต่อการทำงานหนักในบ้านได้ดีขึ้น เช่น การออกกำลังกายที่เน้นการยืดเหยียดหรือการเสริมสร้างความยืดหยุ่นของร่างกาย

5. พักสายตาจากการทำงานใกล้ชิด 

   หากต้องทำงานที่ต้องใช้สายตาจดจ่อกับการทำอาหารหรือทำความสะอาดในพื้นที่เล็กๆ ควรพักสายตาโดยการมองออกไปข้างนอกหรือมองวัตถุที่ห่างจากตาเป็นเวลา 20 วินาทีทุกๆ 20 นาที เพื่อบรรเทาอาการตาล้า

การรักษาและดูแลตัวเองเมื่อมีอาการ

หากคุณแม่บ้านเริ่มรู้สึกอาการปวดหรือไม่สบายจากการทำงานบ้าน เช่น ปวดคอ ปวดหลัง หรือปวดข้อมือ การนวดผ่อนคลาย หรือการใช้ท่าทางที่ถูกต้องในระหว่างทำงานอาจช่วยบรรเทาอาการได้ หากอาการยังไม่ดีขึ้น อาจต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักกายภาพบำบัด หรือแพทย์เพื่อรับคำแนะนำในการรักษาอย่างถูกต้อง

สรุป

ถึงแม้ว่า Office Syndrome จะเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทำงานออฟฟิศ แต่แม่บ้านก็สามารถประสบกับอาการเหล่านี้ได้เช่นกันจากการทำงานในบ้านเป็นระยะเวลานานๆ ด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม หรือการทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อซ้ำๆ วิธีป้องกันและบรรเทาอาการเช่น การปรับท่าทางให้ถูกต้อง การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ หรือการออกกำลังกายสามารถช่วยให้แม่บ้านทำงานในบ้านได้อย่างมีสุขภาพดี และลดความเสี่ยงจาก Office Syndrome ได้.หากท่านกำลังจะมองหาทางเลือกทำกายภาพบําบัดรักษาออฟฟิศซินโดรม ปวดคอ บ่าไหล่ พีสมาร์ท คลินิกกายภาพบำบัด ขอเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกดีๆที่พร้อมช่วยดูแลรักษาคุณอย่างตรงจุด โดยนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อคืนอิสระให้ทุกความเคลื่อนไหว หากสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ พีสมาร์ท คลินิกกายภาพบำบัด